วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ใช้อ้อยต่างแปรง


        กาลนานมาแล้ว    ในสมัยที่โลกยังไม่มีแปรงสีฟันใช้นั้น    มีคหบดีผู้หนึ่งมีความรักใคร่
เอ็นดูบุตรสาวของตนมาก    เพราะบุตรสาวของเขานั้นเป็นหญิงที่งามทั้งใบหน้า    และกริยา

        วันหนึ่งเห็นว่าบุตรสาวของตนชักจะมีขี้ฟันมากเกรอะกรังอยู่ไรฟันเต็มไปหมด
เวลาพูดจาหรือเข้าใกล้ก็มีกลิ่นเหม็นคลุ้ง    คหบดีผู้นั้นคิดว่าถ้าจะปล่อยให้สภาพการณ์
เป็นเช่นนี้ไม่ดีแน่    นอกจากพวกหนุ่มๆที่เข้ามาติดตอมจะเอือมระอาแล้ว    ย่อมเป็นที่
รังเกียจของสังคมด้วย    แต่ก็ไม่กล้าบอกบุตรสาวตรงๆเพราะเกรงบุตรสาวจะอับอาย
จึงได้หาอุบายโดยบอกให้บุตรสาวไปหาอ้อยมากินให้มากๆ    เพื่อผิวพรรณจะได้สวยงาม
ยิ่งขึ้น    ซึ่งจริงๆแล้วอ้อยเหล่านั้นจะได้ช่วยแปรง    และแทะขี้ฟันให้หลุดไปได้

                    

         เขาจึงได้ให้เงินลูกสาวเป็นจำนวนมาก    เพื่อให้ไปหาซื้ออ้อยที่สวนข้างๆบ้านมาไว้กิน
แต่ขณะที่บุตรสาวเดินไประหว่างทางยังไม่ทันถึงสวนอ้อย    เห็นพ่อค้าหาบเผือกต้มสวนทางมา
หล่อนอยากกินเป็นกำลัง    จึงซื้อเผือกกินเสียจนหมดเงินแล้วจึงเดินกลับบ้าน

         บิดาเห็นหล่อนเดินมาแต่ไกลจึงนึกดีใจว่าขี้ฟันของลูกสาวตนคงหมดเกลี้ยงดีแล้ว
แต่ที่ไหนได้พอหล่อนเผยอยิ้มเท่านั้น    ขี้ฟันกลับพอกพูนเกรอะกรังส่งกลิ่นตลบยิ่งขึ้น
เพราะเผือกได้เข้าไปจับเกาะเต็มไปหมด    คหบดีผู้นั้นเกือบล้มทั้งยืน


เห็นแต่ไกล
[ คงกินอ้อยแล้ว ]


ใกล้เข้ามา
[ ขี้ฟันคงหมดแล้ว ]


[ ชัดเลย...หึ่งเชียว ]

คหบดีจึงถามบุตรสาวว่า    "อีหนู   เอ็งไม่ได้ไปซื้ออ้อยกินหรอกหรือ?"

"เปล่าจ้ะพ่อ   ฉันนึกอยากกินเผือกต้ม เลยซื้อกินเสียอิ่ม"   บุตรสาวตอบ

"ชะอีเวร    นี่เองขี้ฟันจึงมากขึ้นตั้งบุ้งกี๋"

         บุตรสาวได้ยินดังนั้นจึงทราบถึงอุบายของบิดา    ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
จึงหมั่นซื้ออ้อยกินทุกๆวัน    ฟันจึงสอาดหมดจดยิ่งขึ้น

            

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น